หลังเลนซ์ ที่ฮานอย ซาปา เวียดนาม

0


หลังเลนซ์ ที่ฮานอย ซาปา เวียดนาม
ผ่านมาสองฉบับแล้วเทคนิคการถ่ายภาพเบื้องต้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนๆ จะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในฉบับนี้ก็ขอพักเรื่องเทคนิคกันสักหน่อย ครั้งนี้จะพาไปเที่ยวต่างแดนครับ
ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยือนประเทศเวียดนามเหนือ กรุงฮานอย จังหวัดลาวกาย เขตซาปา  ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม ในการเตรียมตัวก่อนเดินทางผู้เขียนนั่งคิดอยู่นานว่าจะขนอะไรไปบ้างเนื่องจากว่ามีช่วงเลนซ์หลายชุด แต่ด้วยความที่ต้องการคุณภาพของสีสันจริงของภาพถ่ายก็เลยเลือกเลนซ์ไม่ถูกเพราะมีเลนซ์อยู่หลายตัวมากตั้งแต่ 24,35,50,85 มม. (เลนซ์เดี่ยว) และชุดเลนซ์ซูม  15-50 มม. 28-70 f2.8 และ 80-200 f2.8 มม. แฟลชอีก และที่สำคัญขาตั้งกล้อง ยังไม่รวมอุปกรณ์เสริมต่างๆ นานาอีก นี่ขนาดยังไม่เดินทางนะ  พอนั่งดูแล้วขนไปทั้งหมดน้ำหนักไม่น่าต่ำกว่า 15 กิโลกรัมแน่ๆ ตัดสินใจเอาแค่ sigma 15-30 f3.5 มม. กับ Nikon 80-200 F2.8 IF ED ไปก็พอ กับ Body D80 พร้อมแฟลช และขาตั้งกล้องคาร์บอนไฟเบอร์ ที่น้ำหนักเบาที่สุด เป็นไงครับถ้ายิ่งถ่ายภาพนานขึ้นท่านก็จะเป็นคนขี้กังวลแบบนี้และ เพราะผู้เขียนเคยเดินป่าแล้วคิดว่าไม่จำเป็นต้องเอาอันนี้ไป พอไปถึง แหมมันน่าเสียดายทำไมไม่เอามา...
มาเข้าเรื่องดีกว่าครับ การเดินทางครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอชพี ประเทศไทย ในการเดินทางครั้งนี้ด้วยสายการบิน AF ของฝรั่งเศส เที่ยว 10.00 น. ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงสนามบินเวียดนามที่ กรุงฮานอย เวลาประมาณเที่ยง ความรู้สึกแรกที่สัมผัสเวียดนามเหมือนนั่งเครื่องย้อนเวลากลับกรุงเทพฯ เมื่อ 25 ปีที่แล้วครับ ในรอบ 80 ปีของเวียดนามวันที่ผู้เขียนเดินทางไปถึงอุณหภูมิสูงถึง 42 องศา ร้อนม๊ากมากแต่เหงือไม่ออกครับ ไม่รู้จะร้อนยังไงอยู่ใต้ร่มไม้ในอาคาร ก็ยังร้อนอบอ้าวไม่มีลม สิ่งแรกที่คนไทยอย่างเราต้องการคือน้ำเย็นๆ  แต่ขอโทษครับที่นั้นน้ำเย็นจัดหนึ่งแก้วจะมีเพียงก้อนน้ำแข็งหลอด  1 ก้อน ก็พอได้ชื่นใจ อาหารมื้อแรกของทริ๊ปนี้ก็เป็นอาหารพื้นเมืองเวียดนามคล้ายๆ ก๋วยเตียวบ้านเราเรียกว่า �เฟย�   เฟยที่ดีคนทำจะต้องเคี้ยวน้ำซุปจนไม่มีน้ำมันลอยอยู่บนผิวหน้าเค้าว่าจึงจะอร่อย วัฒนะธรรมการกินของชาวเวียดนามจะไม่ค่อยปรุงรส อาหารเท่าไร แต่จะมีซอสหรือซีอิ้วขาวให้เติมครับ หลังจากเสร็จจากอาหารมื้อเที่ยงแล้วก็เดินทางไปเที่ยวชมโรงเรียนลัทธิเต๋าของขงจื๊อที่อยู่ในฮานอย  อยู่ที่นั้นประมาณ 1 ชั่วโมงเหมือนไปเดินอาบน้ำเล่นซะงั้นการจราจรที่นั้นรถจักรยานยนต์จะเยอะมาก ไม่มีแล้วสาวเวียดนามใส่อ๋าวใหญ่แล้วปั่นจักรยานถ้าสิบปีที่แล้วพอได้เห็น ที่นั้นแนะนำเวลาข้ามถนนรอจังหวะรถใหญ่ผ่านแล้วเดินข้ามทันที่ไม่ต้องสนใจอะไรหรือกลัวว่าจะถูกมอเตอร์ไซร์ชนที่นั้นกฎหมายกำหนดไว้ 40 กม./ชม. เค้าจะหลบเราเองครับใครอยากเล่นเสียวแนะนำครับ เสียวตื่นเต้น เกือบลืมบอกเอาที่อุดหูไปด้วยครับ ที่นั่นเค้าบีบแตรกันมันส์มากลองถามดูว่าทำต้องบีบแตร คำตอบที่ได้คือ มีให้บีบก็ต้องบีบถ้าไม่ให้บีบจะมีมาทำไม! เออจริงของมันเลยไม่รู้จะถามอะไรมันต่อ
มาต่อที่โปรแกรมการเดินทางต่อของทริปนี้คือไปที่ล่าวกาย เป็นจังหวัดหนึ่งของเวียดนามทางตอนเหนือการเดินทางจะต้องเดินทางด้วยรถไฟอย่างเดียวเนื่องจากภูมิประเทศแถบนั้นจะเป็นภูเขาสูง เป้าหมายการเดินทางคือ เมืองซาปา ฉายาสวิสเซอร์แลนด์ของเวียดนาม เมืองเล็กๆใน จ.ล่าวกาย อยู่เหนือสุดของประเทศ ติดกับมณฑลยูนานของจีน  อดีตเป็นเมืองตากอากาศของฝรั่งเศสในยุคล่าอาณานิคมซาปามีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี บางปีอาจเห็นหิมะตกในเมืองหรือปกคลุมยอดเขา ฟานซิปัน ภูเขาสูงสุดของเวียดนาม และสูงที่สุดในอินโดจีน ความสูง  3,143 เมตร สูงกว่ายอดดอยอินทนนท์ถึง 578 เมตร  ชาวเวียดนามเรียกว่าหลังคาอินโดจีน  การเดินทางผู้เขียนเดินทางด้วยขบวนรถไฟตู้นอนที่สามารถนอนได้ 4 คน ในหนึ่งขบวนรถจะมี 16 โบกี้ ซึ่งจะมีสามบริษัทที่ได้รับสัมปทานในการทำธุรกิจท่องเที่ยวแต่ละบริษัทจะได้สิทธิ์บริการเพียง 5 โบกี้ เวลาในการเดินทางขบวนรถออกจากสถานีเวลา 20.00 น. สองข้างทางมองไม่เห็นอะไรสิ่งที่ทำได้คือการนั่งคุยกับคนที่อยู่ในตู้นอนกับเรา เป็นความโชคดีที่ผมถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของสาวๆ สวรรค์ล่ะคืนแรกขอนอนกับสาวๆ ก่อนนะครับ สู้ๆ

ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูปลุกจากนายตรวจมาปลุกเวลาประมาณตีห้าได้ เมื่อคืนนอนหลับเป็นตายเพราะเหนื่อยเพลียจากอากาศที่ร้อนอ้าวในฮานอย เช้านี้เราเจอฝนครับแต่เตรียมการไว้เรียบร้อยเสื้อกันฝน ที่ล่าวกายอากาศจะเปลี่ยนแปลงบ่อยการเดินทางท่องเที่ยวถ่ายภาพควรศึกษาสภาพอากาศให้เรียบร้อยก่อนเดินทางนะครับเพื่อเตรียมสัมภาระให้พร้อมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์  
         เมืองซาปา เป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ ที่อยู่บนแนวเทือกเขาหิมาลัย จุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือการทำนาขั้นบันไดของชาวเขาหลายๆ เผ่า พื้นที่การทำนาจะกว้างใหญ่มากใช้กำลังคนทำทั้งหมดตั้งแต่ยอดเขาไล่ลงไปถึงตีนเขาเลยก็มี แต่ละครอบครัวจะมีพื้นที่ทำกินที่รัฐจัดให้ไม่มาก 1-2 ไร่เท่านั้นหากต้องการที่ท่องเที่ยวแบบได้บรรยากาศต้องใช้วิธีเดินครับแต่จะเหนื่อยหน่อยเพราะเส้นทางจะเป็นเนินเขาสลับไปแต่ก็เพลินดีครับสายลมเย็นๆ  ประมาณสิบกว่าองศา ทิวทัศน์สองข้างทางเขียวชอุ่มดี ช่วงที่ไปกำลังจะเข้าหน้าฝนท้องนาก็จะเป็นสีเขียว หากต้องการเห็นทุ่งนาสีทองต้องไปช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน ก็จะเป็นอีกบรรยากาสหนึ่ง ในเมืองซาปาจะมีหมู่บ้านชาวเขาหลายเผ่าที่ผู้เขียนไปจะเป็นเผ่าม้งดำ ขณะเดินอย่าพยามสบตาเด็กๆ ชาวเขาที่นี้เพราะเด็กพวกนี้จะมีความอดทนสูงมาก สามารถเดินตามท่านเป็นกิโลสองกิโลได้โดยไม่เหนื่อยเพื่อจะขายกำไลเงินชุบ จริงๆ ก็อยากช่วยซื้อหรอกแต่ถ้าซื้อแล้วจะมีมาอีกเป็นสิบคนเพราะเขาจะบอกกันต่อว่าไอ้หมอเนี๊ยซื้อง่าย แต่เด็กชาวเขาที่นี่จะพูดภาษาอังกฤษแต่ก็จะพูดวนแบบเดิมๆ ก็เพลินดีครับมีเพื่อนร่วมเดินไม่เหงา

        เรื่องราวของซาปายังมีความประทับใจอยู่เยอะแต่พื้นที่ไม่พอ  ฉบับหน้าจะมาเล่าต่อแล้วกันครับ เขียนมากกว่านี้เดี๋ยว บก. ท่านจะค้อนใส่เอา แต่ก็น่าเสียดายขอสักสองหน้าได้ไหมท่าน บก.คร๊าบ
ข้อแนะนำการเดินทางท่องเที่ยวถ่ายภาพ
1.        จัดเตรียมอุปกรณ์กล้อง เลนซ์ ให้ครบช่วงซูม เพื่อไม่ให้ผ่านโอกาสบันทึกภาพ
2.        แบตเตอรี่สำรอง และ Adepter สำหรับชาร์จ เตรียมไปให้เต็มที่เพราะบางที่อาจไม่มีไฟฟ้า
3.        สื่อบันทึกข้อมูล และขาตั้งกล้อง แม้มืออาชีพยังต้องพกท่านล่ะ
4.        ศึกษาข้อมูลวัฒนะธรรม ประเพณี ที่ที่จะไป ,สมุดบันทึก
5.        ชุดกันฝนควรมีติดกระเป๋ากล้องเสมอ


       
                                                                                                                                                ฑิษฐพงษ์  สีลานันท์




Post a comment